โรคลําไส้แปรปรวนถือว่าเป็นโรคที่อาจจะไม่ร้ายแรงถึงชีวิต และในประวัติศาสตร์อาจจะยังไม่มีใครเสียชีวิตจากโรคนี้ก็ตาม แต่ก็ทรมานร่างกายเราได้ไม่น้อยเลยทีเดียว และเราเชื่อว่าทุกคนก็คงไม่อยากจะเสียชีวิตกับโรคนี้เช่นกัน ซึ่งจะว่าไปโรคนี้นั้นก็มีที่มาที่ไปคลุมเครืออยู่เหมือนกัน แต่ที่รู้ได้อย่างแน่ชัดเลยคือเกิดจากผนังลำไส้แน่นอน เพราะความผิดปกติของทางเดินอาหารที่เกิดจากการที่เราทานอาหารเข้าไปแล้ว ตรงจุดนี้ระบบทางเดินอาหารจะทำงานปกติ เพียงแต่ว่าลำไส้ของเราจะบีบรัดมากเกินไป ทำให้ลำไส้เคลื่อนตัวมากกว่าเดิม เป็นเหตุผลทำให้เราอาจจะปวดท้อง ปวดบิด เป็นระยะเวลานานๆ โรคนี้จึงจัดเป็นโรคที่ทรมานมากๆ อีกโรคหนึ่งเลยทีเดียว ฉะนั้นในบทความนี้เราจะมาให้ความรู้ว่าอาการแบบไหนที่ทำให้เกิดโรคนี้
อาการของโรคลําไส้แปรปรวน มีวิธีดูอย่างไร เพื่อที่จะได้ไปรักษาอย่างทันท่วงที
ขั้นตอนแรกในการสังเกตหรือวิธีดูว่าเราเป็นโรคนี้แล้วหรือยังคือ คนไข้ที่ป่วยเป็นโรคนี้นั้นจะทรมานจากอาการปวดท้องเป็นเวลานาน แต่ถ้าหากว่าคนไข้ได้ขับถ่ายออกมาก็จะทำให้อาการปวดทุเลาลงจนถึงหายปวดไปเลย ตรงจุดนี้แหละทำให้ทุกคนอาจจะคิดว่าเราปวดท้องทรมานเพราะเราอยากขับถ่าย แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย แม้ว่าอาการปวดในแต่ละครั้งอาจจะไม่เท่ากันบ้าง บางครั้งปวดมาก บางครั้งปวดน้อย
หรือใครก็ตามที่มีอาการท้องอืด ท้องผูกอาจจะตามมา มีลมในท้อง เวลาที่เราขับถ่ายจะมีลมออกมาด้วย ที่ว่ามาทั้งหมดนี้คืออาการของโรคชนิดนี้ทั้งนั้น ถ้าใครที่ปล่อยปละละเลย อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายจนทำให้เกิดเป็นโรคเรื้อรัง อาจจะเป็นปีๆ หรือเลวร้ายสุดก็อาจจะเป็นโรคนี้ไปตลอดชีวิตกันเลยทีเดียว
ต้องทำอย่างไรถึงจะห่างไกลจากโรคร้ายนี้
สำหรับใครก็ตามที่อยากจะห่างไกลโรคลําไส้แปรปรวนนี้ ควรปฏิบัติตามขอแนะนำดังนี้
- ต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ลดการรับประทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์หรือไข่ไก่ และหันไปทานอาหารประเภทที่ย่อยง่ายๆ แทนอาทิเช่น เต้าหู้ ถั่วเหลือง เห็ด หรือเนื้อปลา
- ไม่ควรทานของที่มีน้ำมัน หรือของทอดที่อมน้ำมันบ่อยเกินไป นอกจากนี้อาหารจำพวกเนยหรือนมก็ต้องลดลงด้วย
- รับประทานผัก ผลไม้ต่างๆ ที่อุดมไปด้วยเส้นใยอาหารเช่น อโวคโด้,เสาวรส,มะขาม,ฝรั่ง หรือทับทิม
- ดื่มน้ำวันละ 8 แก้วเป็นอย่างต่ำ
- ข้อนี้สำคัญมากคือต้องรับประทานอาหารให้ตรงเวลา ไม่ควรอดอาหารเป็นเวลานานๆ
สรุปง่ายๆ แม้โรคนี้จะไม่อันตรายต่อชีวิต แต่ก็สร้างความเจ็บปวดให้เราได้ตลอดเวลา การทำตัวเองให้ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บจึงถือว่าเป็นยาที่ดีที่สุด